เข้ามาตอบก่อนเลยครับติดตามมาตลอด
Vrf หรือค่าแรงดันอ้างอิงสามารถใช้ แรงดันตกคร่อมไดโอด, LED, Zener Diode หรือ แม้แต่วงจรแบ่งแรงดันโดยใช้ตัวต้านทานก็สามารถนำมาเป็นค่าอ้างอิงก็ได้ครับ
ภาคแหล่งจ่ายกระแสคงที่มีผลต่อสเถียรภาพของวงจรมาก มีหลายๆวงจรที่ออกแบบภาคแหล่งจ่ายกระแสคงที่สำหรับภาคแรกแบบแย่ๆโดยใช้ตัวต้านทานเพียงตัวเดียว หรือไม่ก็อาจจะมี C ต่อบูสแท็รปเท่านั้นเอง การออกแบบวงจรแบบนี้ผมคิดว่าทำได้เหมือนกันหากแหล่งจ่ายไฟสำหรับภาคหน้าเป็นแบบเร็กกูลเลเตอร์นิ่งๆ เพราะเป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่าเมื่อแรงดันไม่คงที่เวลาขับโหลดหนักๆทำให้ค่าอัตราการขยายของทรานซิสเตอร์ไม่มีความเป็นลิเนียร์การป้อนกลับเพื่อชดเชยความผิดเพี้ยนของภาคดิฟเฟอเรนเชียลอาจมีความผิดพลาดด้วย บางวงจรอาจมีการทำ "คาสโคด" เพื่อให้ทรานซิสเตอร์มีความเป็นลิเนียร์ที่สุดแต่จะดีขึ้นคุ้มค่าหรือให้บุคลิดเสียงที่ตรงกับที่เราชอบแค่ไหนนั้นมันก็แล้วแต่การตัดสินใจของผู้ออกแบบอีกทีใช่ไหมครับ?
ผมเห็นมีหลายท่านเข้าใจว่าวงจรที่มีอุปกรณ์น้อยๆจะให้เสียงที่ดีกว่า ผมคิดว่าไม่ถูกต้องเสมอไป ส่วนมาวงจรขยายเสียงที่มีอุปกรณ์น้อยๆก็เช่นวงจรซิงเกิ้ลเอนด์คลาสเอ ของเนลสันพาส จะเน้นทางเดินผ่านของสัญญาณให้น้อยที่สุด แต่ในวงจรขยายคลาส AB นั้นวงจรที่มีทรานซิสเตอร์(ไม่นับภาคเอาต์พุต)จำนวนมากกว่าส่วนมากจะเป็นวงจรที่ออกแบบได้ดีกว่า แต่ไม่ขอฟันธงว่าเสียงจะดีกว่าหรือไม่นะครับ คือทรานซิสเตอร์ที่นำมาใช้ก็คือใช้เป็นวงจรสะท้อนกระแส วงจรแหล่งจ่ายกระแสคงที่ นั่นเองครับ
รอท่านอื่นๆมาเสริมต่อ ถือเป็นการแชร์กันครับ...

เป็นการตอบคำถามที่มีเหตุผลประกอบได้ดีมากครับ
สำหรับ Vrf นี้สำคัญมากจำเป็นต้องใช้เทคนิคตามที่ Mr.K กล่าว ในที่นี้ขอใช้ Diode ต่ออนุกรมกัน 2 ตัว ซึ่งว่าถือว่าเป็นวงจรพื่นฐานที่ดีในระดับหนึ่ง
เราสามารถคำนวนหา RREF ที่จะมา Forword Bias ให้ Diode ได้จากสมการตามรูปครับ
สำหรับการกำหนดกระแสให้ดู Data sheetของ Diode ว่าVf=0.6V แล้ว If ต้องเป็นเท่าไหร ในที่นี้ขอใช้ 1mAครับ
สำหรับเรื่องวงจรที่มีอุปกรณ์น้อยและเสียงดี Mr.K ให้เหตุผลได้ดีมากครับ เพราะเราไม่ควรเชื่อใคร 100% ถ้าไม่ได้ลงมือทำเอง อย่างมีหลักการ
ซึ่งเนลสันพาส ถือเป็นเจ้าพ่อด้านการออกแบบวงจรน้อยชิ้นและเสียงดี เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เขาทุ่มเทกับ 1st Stage มาโดยตลอด
และก็มีนักออกอีกหลายท่านที่ทำวงจร 2nd&3rd Stage และเสียงดีไม่แพ้เนลสันพาสก็มีอยู่มาก ซึ่งผมก็มีประสบการณ์และเห็นด้วยไม่น้อย
เพียงแต่ที่อ้างอิง Single Stage ก็เพราะการออกแบบให้เสียงดี น่าจะยากกว่าวงจรหลาย ๆ Stage ( จากประสบการณ์และความเชื่อส่วนตัว )
มันไม่สามารถไป Modify หรือลองผิดลองถูกได้เหมือนวงจรหลาย ๆ Stage เพราะเปลี่ยนอะไรตัวหนึ่งมันกระทบไปทั้งวงจร
แต่ถ้าเราออกแบบได้และเสียงดี บอกได้เลยว่าจะเข้าใจการได้มาของแต่ละวงจรทุก ๆ stage เลยที่เดียวละครับ ก็เลยให้คะแนนมันเยอะหน่อยละครับ